วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ปวดหลังเรื้อรัง กับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน

ปวดหลังเรื้อรัง

กับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน

中醫治療慢性腰痛

       อาการปวดเรื้อรังที่ยอดฮิตติดอันดับเวลาไปพบแพทย์ คือ อาการปวดต้นคอ, ปวดหัวไหล่, ปวดเอว บางคนอาจร่วมด้วยอาการปวดศีรษะไมเกรน ปวดแขน หรือปวดขา ถ้าไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน ก็คงหนีไม่พ้นยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดศีรษะไมเกรน บางรายต้องแถมยาป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ที่อาจเกิดจากผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือสงสัยจะเกี่ยวข้องกับการกดทับของเส้นประสาทไขสันหลังที่ต้นคอหรือบริเวณเอว ก็คงต้องพิจารณาการทำกายภาพบำบัดและการผ่าตัดเป็นราย ๆ ไป
       ถามว่าถ้าไปหาหมอจีน ด้วยอาการกล้ามเนื้ออักเสบและมีอาการปวดหลัง จะตรวจวินิจฉัยและรักษาต่างกันกับแผนปัจจุบันอย่างไร ลองพิจารณาจากตัวอย่างผู้ป่วยดูซิครับ
       สตรีวัย 32 ปี มาหาแพทย์จีนด้วยอาหารหลังเรื้อรัง มา 2 ปี ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ในขณะท้องแก่ใกล้คลอดก็รู้สึกปวดหลังแต่ไม่รุนแรง หลังจากถูกผ่าตัดทำคลอดเอาทารกออกโดยวิธีการฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง ผู้ป่วยรู้สึกปวดหลัง ปวดเอวมากขึ้น ได้รับการรักษาด้วยยาแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อหลายขนานจากหลายโรงพยาบาลและได้รับทำกายภาพบำบัดมาแล้วหลายครั้ง อาการไม่ดีขึ้น ซักประวัติเพิ่มเติมทราบว่า ผู้ป่วยเป็นคนขี้หนาวมาก เวลาอาบน้ำกลางคืนหรืออยู่ในห้องแอร์ หรือดื่มน้ำเย็นจะรู้สึกเย็นระเยือกในร่างกาย อาการปวดเอวมีลักษณะเมื่อยๆ หนักๆ ร่วมด้วย ตรวจพบลิ้นค่อนข้างซีดและบวมชีพจรเบาอ่อนแรง
       อีกรายหนึ่ง เป็นสตรีวัย 62 ปี มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง มา 10 กว่าปี ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันมาตลอด มีอาการปวดเมื่อยหลัง นั่งนานไม่ได้ (ไม่เกิน 5 นาที) ตรวจ MRI พบว่ามีกระดูกสันหลังด้านเอวทรุดไป 3 ข้อ เนื่องจากการหกล้มเมื่อ 2 ปีก่อน ได้รับยาบำรุงกระดูกและยาคลายกล้ามเนื้อมารับประทานแก้อาการปวด แพทย์ยังไม่แน่ใจว่าการผ่าตัดรักษาจะได้อันตรายหรือได้ผลดีหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนมาก และร่างกายไม่แข็งแรง (เคยผ่าตัดขาไปข้างหนึ่งเนื่องจากแผลที่เท้าติดเชื้อ และผู้ป่วยมีโรคเบาหวานเรื้อรัง)
       ผู้ป่วยได้ยารับประทานมา 3 เดือนไม่มีอาการอะไรดีขึ้น อาการปวดเมื่อยก็มากขึ้น ต้องนอนเสียส่วนใหญ่ เวลาจะนั่งหรือเดินไปไหนต้องมีใส่เสื้อเกราะพยุงดึงรั้ง ช่วยตัวเองไม่ได้ จึงตัดสินใจหาหมอจีน ตรวจซักประวัติและดูลิ้นจับชีพจร พบว่าผู้ป่วยเป็นคนหนาวง่าย, ท้องอืด เบื่ออาหาร ท้องผูก (เคยกินยาช่วยระบาย พอถ่ายท้อง จะมีอาการเหงื่อออก หมดแรง ต้องส่งโรงพยาบาล)

       หมอจีนรักษาโรคปวดหลัง-ปวดเอวอย่างไร
         ก่อนอื่นต้องวินิจฉัยแยกแยะ ภาวะร่างกายของผู้ป่วยแต่ละรายก่อนว่า มีพื้นฐานของร่างกายเป็นอะไร  ปัจจัยเกิดโรคมาจากสาเหตุอะไร
         ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย มีอาการปวดหลังเหมือนกัน แต่ต่างกันในรายละเอียดมาก คนหนึ่งไม่มีโรคเรื้อรัง อีกคนหนึ่งมีโรคเรื้อรังและอายุมากมีกระดูกทรุดอีกต่างหาก
       แต่ข้อเหมือนกันประการหนึ่งของแพทย์แผนจีน คือ ภาวะร่างกายของทั้ง 2 ราย คือ กลัวความเย็น ร่างกายหนาวง่าย มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารที่เย็นพร่อง อ่อนแอ
       ตามหลักการรักษา ผู้ป่วยทั้งสอง จัดอยู่ในประเภทไตหยางพร่อง腎陽 ร่วมกับ หยางของม้ามพร่อง脾陽
       การรักษาที่สำคัญคือ อุ่นบำรุงหยางของม้ามและไต温補脾陽腎陽 เพื่อให้เกิดความร้อนขึ้นในร่างกาย เมื่อมีความร้อนการเคลื่อนไหวของเลือดพลังไปส่วนต่างๆจะดีขึ้น มีการกระจายความเย็นในเส้นลมปราณออกไปเสริมการทำงานของระบบย่อย (ม้าม) เพื่อเพิ่มพลังการย่อยและดูดซึมอาหารเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังของร่างกาย ด้วยยาสมุนไพร กลุ่มบำรุงหยางของไตและม้าม ทำให้กล้ามเนื้อส่วนเอวแข็งแรงขึ้น เสริมด้วยการฝังเข็มโดยการให้ความร้อนร่วมในบริเวณที่ปวด(การรมยาหรือใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ให้พลังความร้อน)
       การรักษาที่ถูกวิธีบนพื้นฐานการวินิจฉัยแยกแยะภาวะร่างกายทาถูกต้อง เราจะพบผลการรักษาที่สามารถรักษาอาการปวดได้ผลอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญกว่านั้นยังมีผลที่ไปเสริมร่างกายแบบองค์รวม ไม่มีผลแทรกซ้อนแต่จะไปช่วยให้โรคที่เป็นอยู่ไม่ว่าท้องผูก, ปวดท้อง, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง ที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมี มีโอกาสลดขนาดและควบคุมได้ยิ่งขึ้น
       หลักคิดและวิธีแก้ปัญหาแบบแพทย์แผนจีนคือ การปรับสภาพร่างกายโดยองค์รวม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ดีในการสร้างปัจจัยที่เป็นคุณต่อการปรับภาวะความเสียสมดุลต่างๆ ของร่างกาย
       การรักษาแบบควบคุมอาการแบบแผนปัจจุบัน ถ้าได้เสริมจุดอ่อนข้อนี้จะทำให้การรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ



---------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น